ลูคัส เปียซอน สุดยอดนักเตะที่มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ

          ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชื่อของ ลูคัส เปียซอน อาจจะไม่ใช่ชื่อคุ้นหูของแฟนบอลเท่าไรนัก โดยเฉพาะกับแฟนบอลเชลซีที่น่าจะลืมชื่อนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ใครจะไปรู้ล่ะครับ ว่าแข้งรูปหล่อชาวบราซิลเลี่ยนรายนี้อยู่กับทัพสิงโตน้ำเงินครามมาตั้งปี 2012 ซึ่งปัจจุบันก็กินระยะเวลาถึง 7 ปีแล้ว แต่สาเหตุที่นักเตะรายนี้ไม่เป็นคุ้นหูของแฟนบอลเท่าไรนัก ก็เพราะว่าเขามักจะถูกปล่อยตัวให้ทีมยืมตลอดทุกปีนั่นเอง

          ย้อนกลับไปในช่วงฤดูกาล 2010 ลูคัส เปียซอน ได้รับการจับตามองจากทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป ด้วยสมญานามที่ได้รับจากสื่อบ้านเกิดว่าเป็น นิวกาก้า ด้วยตำแหน่งการเล่น สไตล์การเล่น ความเป็นบ้านเดียวกัน และหน้าตาที่หล่อราวกับเทพบุตรเหมือนกับกาก้า ทำให้เจ้าตัวต้องอำลาแผ่นดินบราซิลเลี่ยนมาอยู่ที่อังกฤษ และเป็นเชลซีที่สามารถปิดดีลกับเขาได้สำเร็จ หักอกสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป และเพียงขวบปีแรกของเขากับเชลซีเจ้าตัวก็จัดการคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสโมสรได้สำเร็จทันทีในปี 2012 ด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น

          เหมือนกับว่า ลูคัส เปียซอน จะเริ่มต้นกับเชลซีได้สวยและจะเป็นสุดยอดนักเตะได้ไม่ยาก แต่ก็นั่นแหละครับความคาดหวังกับความจริงบางครั้งมันกลับไปด้วยกันไม่ได้ เขาไม่ค่อยจะได้รับโอกาสในทีมใหญ่เลยไม่ว่าจะเป็นในยุคของผู้จัดการทีมคนใดก็ตามหรือหากได้รับโอกาสก็จะเป็นเกมฟุตบอลถ้วยหรือฟุตบอลกระชับมิตรรายการเล็กๆเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาถูกกระทำอยู่เป็นประจำก็คือการปล่อยให้กับสโมสรอื่นยืมตัวไปนั่นเอง ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกทีเจ้าตัวก็มีอายุ 26 ปีเข้าไปเป็นที่เรียบร้อย และไม่ใช่นักเตะดาวรุ่งอีกต่อไปแล้ว

          จากนักเตะที่ถูกขนานนามว่านิวกาก้า กลายมาเป็นนักเตะที่ถูกปล่อยยืมตัวถึง 7 สโมสรภายในระยะ 7 ฤดูกาล โดยไม่ขายขาด และ ลูคัส เปียซอน ก็ได้ยอมรับกับตัวเองแล้วอนาคตของเขากับเชลซีมันจบลงไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยวัย 26 ปี ปัจจุบันเขาถูกปล่อยให้ ริโอ อาฟ สโมสรเล็กๆจากลีกเอิงยืมตัวไป ซึ่งเจ้าตัวก็มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ และทำผลงานได้ดีเสียด้วย แต่กระนั้นพิษของ COVID-19 ก็ยังจะมาเล่นงานอีกจนได้ แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ยังมองว่าเป็นโอกาสที่จะได้พักผ่อน และยังคิดอีกด้วยว่าตัวเขานั้นเป็นเพียงนักเตะอายุ 26 เท่านั้น และยังสามารถจะพัฒนาไปเป็นนักเตะระดับได้ไม่ยาก ซึ่งนี่เองถือเป็นทัศนคติที่ยอดเยี่ยมของนักเตะอาชีพที่มักจะมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ แม้จะเจอกับวิกฤตอะไรก็ตาม